top of page

Pebble Stool: เรื่องราวแห่งกำเนิด งานฝีมือ และปรัชญา

  • รูปภาพนักเขียน: Moonler
    Moonler
  • 1 ก.ย.
  • ยาว 1 นาที
PEBBLE stool

Pebble Stool: เรื่องราวแห่งกำเนิด งานฝีมือ และปรัชญา

ที่เชียงใหม่ เมืองซึ่งภูเขาโอบล้อมทางเหนือของประเทศไทย มีเวิร์กช็อปเล็กๆ ที่ดำเนินงานเงียบงามมาตั้งแต่ปี 2008 ที่นั่น ไม้ได้ถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นความหมาย และในบรรดาชิ้นงานที่สลักชื่อมูนเลอร์ หนึ่งในงานที่กลายเป็นทั้งสัญลักษณ์และคำประกาศ คือ Pebble Stool สตูลไม้ฉำฉ่า ที่ไม่ได้เป็นเพียงที่นั่ง หากแต่เป็นวัตถุที่บรรจุปรัชญาแห่งความอดทน ความไม่สมบูรณ์ และความยั่งยืนเอาไว้


แรกเห็น มันเรียบง่ายมาก: สามขา โค้งมน รูปทรงราวกับถูกหยิบขึ้นมาจากก้อนหินในลำธาร แต่เมื่อมองลึกลงไป คุณจะเห็นเหตุผลว่าทำไมสตูลไม้ตัวนี้ถึงสำคัญ มันไม่พยายามปกปิดธรรมชาติของตัวเอง ลายเส้นเข้มและอ่อนที่วิ่งผ่านไม้ฉำฉ่าปรากฏชัด พื้นผิวถูกขัดให้เรียบแต่ไม่มันวาวเกินไป มันยังคงร่องรอยประวัติศาสตร์ของต้นไม้ ให้ธรรมชาติคงอยู่ในห้อง

การสร้างสรรค์ Pebble Stool

ภาพยนตร์สั้นที่บันทึกกระบวนการผลิตเผยให้เห็นจังหวะของเวิร์กช็อป ที่ซึ่งเครื่องมือสมัยใหม่ส่งเสียงอยู่เบื้องหลัง แต่ “มือมนุษย์” ยังคงเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง เรื่องราวเริ่มจากไม้ฉำฉ่าที่ได้จากสวนป่าท้องถิ่น ไม้ชนิดนี้เป็นที่รู้จักทั่วโลกในชื่อ Monkey Pod หรือ Rain Tree ก่อนการขึ้นรูป ไม้ต้องผ่านการอบแห้งในเตาอย่างพิถีพิถัน เป็นการผสมผสานระหว่างความร้อนและความอดทนเพื่อป้องกันการบิดงอ และรักษาจิตวิญญาณของลายไม้


จากนั้น Pebble Stool สตูลไม้ จึงค่อยๆ ก่อรูป ช่างไม้ตัด แกะ และปรับแต่งโครงร่างอย่างตั้งใจ เครื่องจักรช่วยสร้างความสม่ำเสมอ แต่โค้งสุดท้ายล้วนถูกนำโดยสัมผัสของมือ ไม่มีสตูลไม้สองตัวที่เหมือนกัน เพราะไม่มีช่างสองคนที่มีสัญชาตญาณเดียวกัน พื้นผิวถูกขัดเพื่อเผยให้เห็นความไม่สมบูรณ์ แทนที่จะลบออก ผลลัพธ์คือวัตถุที่ดูมีชีวิต ที่ยังคงหายใจไปพร้อมกับฤดูกาล ขยายและหดตัวตามธรรมชาติของไม้



ปรัชญา

แนวคิดการออกแบบของมูนเลอร์ได้รับแรงบันดาลใจจากถ้อยคำของ Leonard Koren ที่ว่า “ลดทอนจนเหลือเพียงแก่น แต่ยังคงไว้ซึ่งบทกวี” Pebble Stool คือตัวตนของถ้อยคำนั้นในรูปแบบที่จับต้องได้ มันถูกลดทอนเหลือเพียงสตูลไม้หนึ่งตัว ไม่มากกว่านั้น แต่บทกวียังคงอยู่ ผ่านโค้งอันนุ่มนวล และการสะท้อนภาพก้อนหินที่ถูกสายน้ำกัดกร่อนนับร้อยปี


ที่ลึกกว่านั้น สตูลไม้ตัวนี้เชื้อเชิญให้เจ้าของได้ครุ่นคิดถึงธรรมชาติของความไม่จีรัง รูปทรงของมันไม่สมมาตรอย่างสมบูรณ์ ลายไม้เผยปมและความแตกต่าง มันปฏิเสธความต้องการของอุตสาหกรรมที่มุ่งหวังความเหมือนกันทุกชิ้น และแทนที่จะเป็นเช่นนั้น มันโอบรับแนวคิดที่ว่าความงามอยู่ในความแตกต่าง เหมือนกับสวนญี่ปุ่นหรือวัดไทย ที่ความไม่สมบูรณ์และร่องรอยของเวลา กลับเป็นเสน่ห์ที่แท้จริง


ช่างไม้

"Sala Mai" craftmans and "PEBBLE stool"

เบื้องหลัง Pebble Stool คือเหล่า “สล่าไม้” ช่างฝีมือทางเหนือของไทย ผู้ซึ่งสืบทอดความรู้และทักษะมาหลายชั่วอายุคน การได้ชมพวกเขาทำงานคือการได้เห็นความทรงจำเคลื่อนไหว ศิษย์เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ที่จะอ่านลายไม้ เพื่อสัมผัสได้ว่าตรงไหนจะต้านทาน ตรงไหนจะโอนอ่อน กว่าที่จะฝึกฝนการจับกบ การขัดด้วยแรงที่มั่นคงแต่ละมุนชำนาญ


ในเวิร์กช็อปของมูนเลอร์ ประเพณีเหล่านี้ยังคงถูกสืบต่อไป ช่างไม้ผสมผสานทักษะดั้งเดิมกับภาษาการออกแบบร่วมสมัย เพื่อสร้างเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไทยแท้ แต่ก็สามารถสื่อสารกับโลกได้ สิ่งที่ทำให้ Pebble Stool แตกต่าง คือมันไม่ใช่ผลงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว หากแต่เป็นผลงานที่ถูกค้นพบ ผ่านการให้ช่างไม้มีพื้นที่ในการปรับแต่งและสร้างสรรค์ตามสัญชาตญาณ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสตูลไม้ตัวนี้ถึงไม่ดูถูกออกแบบเกินไป แต่กลับดูราวกับถูกค้นพบอยู่แล้วตามธรรมชาติ


ต้นกำเนิด

Making of "PEBBLE stool"

มูนเลอร์สร้างชื่อเสียงขึ้นมา ไม่ใช่ด้วยการตามกระแส แต่ด้วยการยืนยันใน “ต้นกำเนิด” Pebble Stool จึงเป็นผลงานของแท้ในทุกแง่มุม มันถูกคิดค้นในเชียงใหม่ ผลิตที่ดอยสะเก็ด และเผยสู่โลกในฐานะงานออกแบบดั้งเดิม ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ การได้รับการเผยแพร่บนแพลตฟอร์มระดับนานาชาติอย่าง Dezeen และการถูกนำไปใช้ในโรงแรมและบ้านพักตั้งแต่เกียวโตจนถึงกรุงเทพฯ เป็นเพียงบทยืนยันของความเป็นต้นฉบับ แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันคือการย้ำเตือนว่า งานออกแบบที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องตะโกนเพื่อให้คนได้ยิน


Pebble Stool ยังเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ใหญ่กว่าของมูนเลอร์ เรื่องราวแห่งความรับผิดชอบ ไม้ถูกคัดสรรมาจากสวนป่าท้องถิ่น เพื่อลดการขนส่งและสนับสนุนชุมชน โรงงานที่เชียงใหม่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์บางส่วน ลดการปล่อยคาร์บอนลงกว่าห้าหมื่นกิโลกรัมต่อปี เศษไม้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ทั้งในงานประกอบ หรือมอบให้เกษตรกรเพาะเห็ดเป็นวัสดุอาหารที่อุดมด้วยสารอาหาร น้ำยาปิดผิวที่ใช้ล้วนเป็นน้ำมันธรรมชาติหรือน้ำ ทำให้ปลอดภัยทั้งต่อบ้านและสิ่งแวดล้อม


สตูลที่มากกว่าสตูล

PEBBLE stool and KENA table

Pebble Stool กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของมูนเลอร์ ไม่ใช่เพราะถูกสร้างมาเพื่อจะเป็นไอคอน แต่เพราะมันซื่อสัตย์ในแบบที่ผู้คนสัมผัสได้ ในยุคที่งานออกแบบมักเน้นเพียงผิวเผินและการสร้างภาพลักษณ์ สตูลไม้ตัวเล็กๆ นี้เตือนเราว่ายังมีเส้นทางอีกเส้นหนึ่ง


มันเตือนเราว่างานฝีมืออาจเป็นสิ่งที่ช้าและอ่อนโยน ความไม่สมบูรณ์สามารถงดงาม ความเป็นต้นฉบับยังคงสำคัญในโลกที่เต็มไปด้วยการลอกเลียน และความยั่งยืนไม่ใช่เครื่องประดับ แต่คือวิถีการทำงาน


เมื่อวางอยู่ในบ้าน โรงแรม หรือร้านอาหาร Pebble Stool ทำหน้าที่ของมันอย่างเงียบๆ แต่สำหรับผู้ที่มองลึกลงไป มันทำได้มากกว่านั้น มันกลายเป็นนักปรัชญาที่อยู่มุมห้อง เตือนให้เรานึกถึงแม่น้ำ ก้อนหิน และกาลเวลา มันเล่าเรื่องราวของเชียงใหม่และช่างฝีมือ และกระซิบความจริงที่มูนเลอร์ยึดถือมาตั้งแต่แรกเริ่ม ว่างานออกแบบควรยั่งยืน และควรบรรจุไว้ซึ่งบทกวี

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page